ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า “ประชาคมธนาคารกลาง” จะกลั่นกรองติดตามการธุรกรรมเงินคริปโต ทั้งภายในและภายนอกเชน (on- and off-chain)
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม มีรายงาน หัวข้อ “Understanding the crypto-asset phenomenon, its risks and measurement issues” ว่าด้วยการทำความเข้าใจสถานการณ์สินทรัพย์คริปโต ความเสี่ยง และการประเมิน โดย ECB กล่าวว่า “การปิดช่องโหว่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล” กลายเป็นความท้าทายสำคัญยิ่งต่อหน่วยงานกำกับดูและสถาบันทางการเงินต่าง ๆ
‘การปิดช่องโหว่ข้อมูล’ ในการตรวจสอบสินทรัพย์คริปโต
รายงานระบุว่า ความเสี่ยงและ “ผลกระทบมากล้น” ของสินทรัพย์คริปโตต่อ “เศรษฐกิจในโลกจริง” ขึ้นอยู่กับขอบเขตของทั้งสองที่เชื่อมต่อกัน แนะนำว่า ECB ควรทุ่มเทเวลาและกลั่นกรองวิเคราะห์ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณและข้อมูลเชิงคุณภาพของสินทรัพย์เพื่อการลงทุน (asset class) ตัวใหม่ให้มากขึ้นกว่านี้
ขณะที่ธรรมชาติของเครือข่ายสินทรัพย์คริปโตอาศัยเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ (DLT) เพื่อความโปร่งใส รายงานบอกว่า การกระจายศูนย์และธรรมชาติของสินทรัพย์คริปโตเมื่อเกี่ยวข้องกับความพยายามควบคุมอย่างเข้มงวดจะกลายเป็นสิ่งที่ยุ่งยาก
ข้อมูลต่อไปนี้ครอบคลุมทั้งกิจภายทั้งภายในและภายนอกเชน สามารถมองให้เห็นมุมมองต่อตลาดสินทรัพย์คริปโตได้บางส่วน
ที่มา: Bitinfocharts, Cryptocompare and ECB calculations จากเว็บ ECB
การทำธุรกรรม On-chain แยกตามสินทรัพย์คริปโต เมื่อเดือนเมษายน 2019
การดำเนินงานตามความต้องการของ “ประชาคมธนาคารกลาง”
โครงการริเริ่ม จะกลั่นกรองข้อมูลสินทรัพย์คริปโตโดยรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล ดำเนินการโดยหน่วยงาน Irving Fisher Committee on Central Banking Statistics และทีมงานผู้เชี่ยวชาญ expert group เพื่อตรวจสอบจำแนกข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงสถิติในระบบบัญชีประชาชาติสากล (System of National Accounts, SNA)
ขณะที่โครงการริเริ่มเหล่านี้อาจมีนัยสำคัญต่อการประเมิน GDP และตัวชี้วัดอื่น ๆ ของชาติ ECB บอกว่า การจำแนกข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงสถิติยังคงเป็นงานที่ซับซ้อน เนื่องจาก “มีลักษณะเฉพาะมาก” และมีลักษณะของนิติบุคคลที่ยากจะตรวจสอบได้
ECB บอกว่า การตรวจสอบข้อมูลทั้งภายในและภายนอกเชนที่เชื่อถือได้ จำเป็นต้องเอาชนะความยากลำบากในการดึงข้อมูลสาธารณะของตลาดที่อยู่นอกเรดาร์ของหน่วยงานสาธารณะ
พวกเขาอาจจำเป็นต้องเผชิญกับ “ตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสภาพคล่องต่ำซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อขายของตนเอง (wash trading)” และต้องคำนึงถึง “การขาดความสอดคล้องต่อระเบียบวิธีการและอนุสัญญาที่ใช้กับตลาดสถาบันและผู้ให้บริการเชิงพาณิชย์”
ในบทสรุป ECB ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินงานวิเคราะห์ทั้ง “ธุรกรรมชั้นโปรโตคอคและภายในเชน” และมุ่งเน้นธุรกรรมภายนอกเชนด้วย รวมถึงการพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับตัวบ่งชี้สินทรัพย์ดิจิทัลอีกด้วย
ที่มา : cointelegraph.com
