คริปโตกลายเป็นประเด็นอีกครั้งใน Capitol Hill ถือเป็นครั้งที่สองไปอีกหลายสัปดาห์ เมื่อคณะกรรมาธิการการธนาคารวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา (U.S. Senate Banking Committee) เรียกประชุมเมื่อวันอังคาร เพื่อหารือเกี่ยวกับเกี่ยวกับกฎระเบียบในปัจจุบันและในอนาคตที่จะมีขึ้น
Jeremy Allaire ซีอีโอ Circle เข้าให้การไต่สวนในฐานะตัวแทนสมาคมบล็อกเชน (Blockchain Association) เขาจะให้การร่วมกับ Mehrsa Baradaran ศาสตราจารย์วิทยาลัยกฎหมายเออร์ไวน์ (Irvine School of Law) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (University of California) และ Rebecca Nelson ผู้เชี่ยวชาญบริการวิจัยแห่งสภาคองเกรส (Congressional Research Service)
การเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ขึ้น
เพื่อตรวจไต่สวนคำถามเกี่ยวกับการควบคุมอุตสาหกรรมและประเด็นค่อนข้างกว้างพอสมควร
ต่างจาการไต่สวนโครงการLibra ของ Facebook เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
“จะเป็นการหารือเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่กว้างขึ้น
นับว่าเป็นความท้าทายด้านกฎระเบียบและสิ่งที่สหรัฐอเมริกาสามารถทำได้ดีกว่า
ดังนั้น ฉันยังมองโลกในแง่ดี” Kristin Smith ประธานสมาคม
Blockchain Association กล่าว
การเตรียมคำให้การของเขา Allaire เรียกร้องให้สภาคองเกรสปฏิบัติต่อสินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะสินทรัพย์การลงทุน (asset class) เนื่องจากกฎระเบียบต่าง ๆ ที่ยุ่งยากในสหรัฐฯ ทำให้ดำเนินธุรกิจลำบาก
“การเป็นพลเมืองปฏิบัติตามกฎหมายในสหรัฐฯ ไม่ควรทำให้บริษัทสหรัฐฯ หรืออุตสาหกรรมสหรัฐฯ เสียเปรียบต่อการพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลกนี้” เขากล่าวในเอกสารคำให้การที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันจันทร์
สภาคองเกรสควรกำหนดนโยบายระดับชาติ กำหนดและสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัย์ลงทุน (asset class) ตัวใหม่ พัฒนากฎระเบียบที่เหมาะสม และให้สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเป็นอิสระจากกฎข้อบังคับ สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องออกกฎหมายโดยปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่มีอยู่ทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ หลักทรัพย์ และกฎหมายธนาคาร และอื่น ๆ
Allaire กำลังเป็นตัวแทนสมาคมบล็อกเชน Blockchain Association เนื่องจาก Circle เข้าใจถึงปัญหานี้ดี Smith กล่าว บริษัทได้รับใบอนุญาตและก็จำกัดการซื้อขายสินทรัพย์บางส่วนจากนักลงทุนจากสหรัฐฯ ทั้งนี้ต้องปลดพนักงานและย้ายฐานธุรกิจไปยังนอกชายฝรั่งเนื่องจากโครงสร้างกฎระเบียบในปัจจุบัน
เทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินติดตามการฟอกเงินได้ดีขึ้น Allaire กล่าวเอาไว้ในเอกสารคำให้การ
Crypto vs. Libra
ในช่วงการไต่สวน Libra สมาชิกสภาถกประเด็นต่างออกไปจากสกุลเงินคริปโตทั่วไป และเน้นโครงการ Facebook โดยเฉพาะ
ในคำแถลงคำให้การของเขาในวันอังคาร Allaire เห็นต่างออกไปและเปรียบเทียบระหว่าง Libra กับ USDC เหรียญ stablecoin ที่ออกโดยบริษัทของเขาร่วมกับ Coinbase ผ่านทาง Centre Consortium
“แตกต่างจาก Libra ที่พยายามสร้างสกุลเงินระดับโลกและมาตรฐานทางการเงิน (unit of account) ใหม่ ส่วนโปรโตคอล CENTRE นั้น เป็นแนวทางสกุลเงินสำรองที่สำคัญในฐานะเป็นสกุลเงินดิจิทัล” เขากล่าว
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ CENTRE พยายามหลีกเลี่ยงการใช้งานบล็อกเชนเดียว (ปัจจุบัน USDC ยังสร้างขึ้นบน ethereum อีกด้วย) เขากล่าว
ในคำให้การ Nelson ก็เห็นแย้งกับสกุลเงินคริปโต Libra โดยทั่วไป โดยยกตัวอย่างความเป็นส่วนตัว
“Libra มีผลกระทบมากจากการอภิปรายเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและสกุลเงินคริปโต” Nelson กล่าว อธิบายว่าข้อกังวลหลักในแวดวงผู้ใช้งานคริปโตจะ“เน้นหนักความเป็นส่วนตัวมาก” ทว่าปัญหาของ Libra นั้นกลับตรงกันข้าม
“ก่อนหน้านี้ ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในตลาดสกุลเงินคริปโตนั้น เน้นหนักความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานให้ความสำคัญความเป็นส่วนตัวสูงเกินไป โดยปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานบางส่วน จึงทำให้เงินคริปโตอาจถูกใช้งานโดยผู้ร้ายในกิจกรรมที่เลวร้ายและผิดกฎหมาย” Nelson กล่าว
ในด้าน [ตรงกันข้าม] ความกังวลมุ่งเน้นข้อมูลผู้ใช้งานในการทำธุรกรรมทางการเงินจะต้องถูกคุ้มครอง และจะต้องไม่รวมกับข้อมูลผู้ใช้งานอื่น ๆ อย่างเช่นแพลตฟอร์มของ Facebook แม้ว่าหัวหน้า Calibra ได้ให้คำมั่นสัญญารับรองความเป็นส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ทว่านักวิเคราะห์หลายคนไม่เชื่อในเรื่องนี้เนื่องจากเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับข้อมูลผู้ใช้งาน Facebook ที่ผ่านมา และความไม่เป็นอิสระจาก Facebook ที่รวบรวมข้อมูลและหารายได้จากผู้ใช้งานนั่นเอง
ความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับ Facebook จะมีประเด็นขึ้นจากการไต่สวนในวันอังคารหรือไม่ Smith กล่าวว่า อาจมีคำถามเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคและแนวทางการจัดการปัญหาจากระบบที่แตกต่างกัน
“ฉันคิดว่ามันควรเป็นการหารือที่รอบด้าน” Smith กล่าว “ฉันไม่คิดว่าเราจะได้ยินอะไรใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน ฉันคิดว่ามันจะเป็นบทสนทนาที่รอบคอบ และบทสนทนาที่วัดได้มากกว่าที่เคยได้ฟังจากการไต่สวน Facebook”
ที่มา : coindesk.com