ซีอีโอของ BlackRock ผู้ให้บริการกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เขาไม่พิจารณาว่า Libra ของ Facebook เป็นสกุลเงินคริปโต
จำเป็นต้องทำให้การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นประชาธิปไตย
จากการให้สัมภาษณ์กับรายการ Squawk Box ของ CNBC เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม Larry Fink ซีอีโอ BlackRock เน้นย้ำว่าจำเป็นต้องทำให้ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความเป็นประชาธิปไตยและมีต้นทุนการแลกเปลี่ยนลดลง
ผู้บริหารทางการเงินชี้ว่าปัญหาอยู่ที่การคิดค่าธรรมเนียมทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ผู้คนจำเป็นต้องส่งเงินไปทั่วโลกมักจะทำผ่านองค์กรที่คิดค่าธรรมเนียมประมาณห้าถึงสิบเปอร์เซ็นต์
การลดค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนนั้น โลกไม่จำเป็นต้องใช้งาน Libra แต่ต้องใช้เทคโนโลยี
ผู้บริหารทางการเงินกล่าวว่า โลกไม่จำเป็นต้องสร้างสกุลเงินใหม่เพื่อทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น กลับแนะนำว่าสามารถทำได้โดยอาศัยเทคโนโลยี
จริง ๆ แล้วฉันเชื่อว่าแนวคิดเกี่ยวกับ Libra นั้น ฉันคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องสร้างสกุลเงินใหม่ แต่เทคโนโลยีที่ใช้ปรับเทียบทุกสกุลเงินแบบทันทีทันใด นั่นคือสิ่งที่ควรทำต่างหาก
Fink อธิบายว่า ระบบการเงินโลกไม่จำเป็นต้องเป็นสกุลเงินใหม่ อย่าง Libra เพื่อลดค่าธรรมการทำธุรกรรมแต่อย่างใด เขามองว่าการผสมผสานกลไกทางเทคโนโลยีเฉพาะในการทำธุรกรรมก็สามารถลดต้นทุนการทำธุรกรรมได้ ผู้บริหารรายนี้กล่าวว่า
คุณไม่จำเป็นต้องมี Libra คุณมีคอมพิวเตอร์ที่สามารถกำหนดค่าและปรับเทียบเงินตรายูโรเป็นดอลลาร์แบบทันทีทันใดก็ใช้งานได้แล้ว…
ข่าวออกมาท่ามกลางมีรายงานว่า Blackrock กำลังจัดตั้งทีมงานประเมินศักยภาพตลาด Bitcoin (BTC) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการลงทุนใน BTC futures เป็นที่ทราบกันดีว่าบริษัทมีท่าทีวิจารณ์ต่อสกุลเงินคริปโตในแง่ลบ Fink เคยอธิบายBTC ว่าเป็นดัชนีการฟอกเงินในเดือนตุลาคม 2017 สองเดือนก่อนราคาสกุลเงินคริปโตชั้นนำจะพุ่งทำสถิติสูงสุด $20,000
ที่มา : cointelegraph.com