คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (U.N. Security Council) ทราบว่าเกาหลีเหนือใช้การโจมตีทางไซเบอร์และเทคโนโลยีบล็อกเชนหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ การโจรกรรมทำให้รัฐเกาหลีฉกเงินจากตลาดซื้อขายเงินตราและคริปโทเคอร์เรนซีไปได้ราว ๆ $670 ล้านเหรียญ คณะผู้เชี่ยวชาญแจ้งคณะกรรมการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของคณะมนตรีความมั่นคงก่อนรายงานประจำปี
ตลาดซื้อขายคริปโตและสถาบันทางการเงินถูกแฮ็ก
กรุงเปียงยางกำลังสั่นคลอนจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากอังกฤษ และคำร้องของสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ การคว่ำบาตรทำให้การส่งออกถ่านหินของเกาหลีเหนืออยู่ในอาการร่อแร่ ซึ่งเป็นรายได้หลักของการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
จากบทวิจารณ์ของ Nikkei Asian ยืนยันว่าได้รับรายงานจากคณะผู้เชี่ยวชาญว่า เกาหลีเหนือโจมตีบริษัททางการเงินทางไซเบอร์ตั้งแต่ปี 2015 ถึง 2018 และใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนหลบหนีการติดตาม
คณะผู้เชี่ยวชาญประเมินในช่วงเดือนมกราคม 2017 ถึงกันยายน 2018 สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีประสบความสำเร็จในการแฮ็กตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (cryptocurrency exchange) ในเอเชียแล้วอย่างน้อย 5 ครั้ง มูลค่าสูญเสียรวม $571 ล้านดอลลาร์ การโจมตีเข้าใจกันว่ามาจากหน่วยทหารพิเศษซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลเกาหลีเหนือ
คณะผู้เชี่ยวชาญไม่ได้บอกชื่อแพลตฟอร์มแต่อย่างใด แต่ Coincheck ตลาดซื้อขายในญี่ปุ่นรายงานในเดือนมกราคม 2018 ว่ามีการโจรกรรมคริปโทเคอร์เรนซีเหรียญ NEM ในช่วงดังกล่าว $530 ล้านเหรียญ มีการโจมตีทางไซเบอร์อีกครั้งในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทำให้ Zaif ตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดำเนินการนอกประเทศญี่ปุ่นเงินหายไป $60 ล้านเหรียญ
ในเกาหลีใต้ Interpark แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านคน เกิดการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลทางไซเบอร์ขึ้น แฮกเกอร์เรียกร้องค่าไถ่ $2.7 ล้านดอลลาร์เพื่อแลกเปลี่ยนกับการส่งคืนข้อมูล รัฐบาลเกาหลีใต้เชื่อว่าการโจมตีเกิดขึ้นจากเกาหลีเหนือ และคณะผู้เชี่ยวชาญของ U.N. เชื่อมั่นว่าพวกเขาพุ่งเป้าไปที่เงินตราต่างประเทศเป็นหลัก
ที่มา : news.bitcoin.com