หลังจากการประกาศมติของคณะรัฐมนตรี นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เกี่ยวกับกรอบนโยบายแจกเงินดิจิทัลในประเทศ เพื่อสนับสนุนการเฟ้นหาทางออกจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยากลำบาก
พฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนต่อโครงการนี้ได้รับการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB/EIC) ผลลัพธ์ที่ได้นำเสนอมาให้ทราบส่งผลกระทบและภาพรวมของการใช้จ่ายและนโยบายดังกล่าว
การสำรวจครั้งนี้ได้แยกแบบจำลองการใช้จ่ายเงินดิจิทัลออกเป็น 5 กรณีต่างๆ ซึ่งแสดงถึงความหลากหลายของประชากรและพฤติกรรมการเงินของพวกเขา:
กรณีที่ 1: การใช้จ่ายเงินอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่ของผู้รับการสำรวจ (ร้อยละ 58) จะใช้จ่ายเงินดิจิทัลที่ได้รับในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินให้ครบถ้วนก่อนสิ้นสุดโครงการ ซึ่งการวิจัยแนะนำว่าการกำหนดระยะเวลาสั้นๆ เป็นวิธีที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย
กรณีที่ 2: การลดการใช้จ่ายส่วนตัว ร้อยละ 80 ของผู้สำรวจกล่าวว่าจะลดการใช้จ่ายส่วนตัวเมื่อได้รับเงินดิจิทัล และใช้เงินเพิ่มในระบบเศรษฐกิจผ่านการให้ญาติใช้จ่ายหรือการลงทุน ซึ่งมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
กรณีที่ 3: การใช้จ่ายในสินค้าหลัก สินค้าในหมวด Grocery เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินดิจิทัลในสินค้าชนิดนี้มากที่สุด รองลงมาคือสินค้าด้านสุขภาพและอาหาร ส่วนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะใช้เงินในการซื้อสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคและการซ่อมแซมบ้าน
กรณีที่ 4: การใช้จ่ายในร้านค้าท้องถิ่น ร้านค้าท้องถิ่นและร้านสะดวกซื้อเป็นที่นิยมสูงสุดสำหรับการใช้จ่ายเงินดิจิทัล ซึ่งมีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและการค้าปลีกในระดับท้องถิ่น
กรณีที่ 5: ข้อจำกัดและท้าทาย ข้อจำกัดในการกำหนดพื้นที่ใช้จ่ายและการเข้าถึงของโครงการนี้ทำให้เกิดความกังวลต่อการใช้จ่ายเงินดิจิทัล โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ในการใช้จ่ายน้อยลง
ผลวิจัยชัดเจนเห็นได้ว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้นสามารถส่งเสริมการใช้จ่ายและการกระจายเงินในระบบเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ความหลากหลายและข้อจำกัดในการใช้จ่ายยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างใกล้ชิดในการพัฒนานโยบายต่อไป
ติดตามข่าวคริปโตก่อนใครได้ที่ https://www.siambitcoin.com/